Rise of Kingdoms (ไทย) - ผู้บัญชาการ ตอนที่ 4 CAO CAO (แม่ทัพ โจโฉ)

โจโฉ แม่ทัพม้าที่เป็นที่นิยมมากใน Patch เก่า

ประวัติ 

โจโฉ ตามสำเนียงฮกเกี้ยน หรือ เฉา เชา ตามสำเนียงกลาง (อังกฤษ: Cao Cao)

โจโฉเป็นบุคคลที่ถูกเล่าขานมากที่สุดในสามก๊ก เป็นขุนศึกในระดับอัครมหาเสนาบดีแห่งราชวงศ์ฮั่นตะวันออก ทั้งเป็นบุคคลหนึ่งซึ่งมีบทบาทสำคัญที่สุดในสมัยสามก๊ก และเป็นผู้วางรากฐานรัฐเว่ย เมื่อถึงแก่อสัญกรรมแล้วจึงได้รับการสถาปนาเป็น จักรพรรดิอู่แห่งเวย หรือ พระเจ้าเว่ยบู๊ตี้

วรรณกรรมมักแสดงภาพโจโฉว่าเป็นทรราชโหดร้ายป่าเถื่อน แต่ตามประวัติศาสตร์แล้ว โจโฉได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้ปกครองที่ชาญฉลาดและเป็นนายทัพที่ปรีชาสามารถ รักและดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาประหนึ่งครอบครัวตนเอง นอกจากนี้ โจโฉยังมีฝีมือดีในทางโคลงกลอนและศิลปะการต่อสู้ด้วย ปรากฏว่าเขาได้ฝากผลงานเป็นพิชัยสงครามไว้มากมาย ผลงานทางพิชัยสงครามชิ้นสำคัญคือตำราพิชัยสงครามโจโฉหรือ เมิ่งเต๋อเซินซู ซึ่งเป็นตำรามีบันทึกในนิยายสามก๊กว่าถูกเผาทำลายไปแล้ว แต่ในบันทึกของตำราพิชัยสงครามหลี่จิ้งนั้นระบุว่าเขาใช้เนื้อหาในตำรานี้เป็นแนวคิดหนึ่งในการทำศึกและพระเจ้าถังไท่จงก็ศึกษาตำรานี้ด้วย ดังนั้นจึงอาจยังมีฉบับคัดลอกตกทอดต่อมาหรือบางทีอาจจะไม่ได้ถูกเผาทำลายไปจริงๆเหมือนที่เขียนไว้ในนิยาย

โจโฉเป็นบุตรชายของโจโก๋ ซึ่งเป็นบุตรบุญธรรมของมหาขันทีโจเต็ง ซึ่งเดิมทีโจโก๋เป็นคนในสกุลแฮหัว ดังนั้นโจโฉกับคนสกุลแฮหัวจึงเป็นญาติใกล้ชิดกัน โจโฉเริ่มต้นรับราชการเมื่ออายุ20ปี ผู้บังคับการกองทหารนครบาลเหนือ ภายหลังได้เขาได้เข้ามาอยู่ในสังกัดอ้วนเสี้ยว โดยมีตำแหน่งเป็นผู้บังคับการกรมทหารม้าเร็ว แล้วได้รับตำแหน่งให้เป็นแม่ทัพของฝ่ายราชวงศ์ฮั่นที่ออกปราบกบฏโจรโพกผ้าเหลืองซึ่งมีเตียวก๊กเป็นหัวหน้า ซึ่งมี พระเจ้าเลนเต้เป็นจักรพรรดิ เชื่อกันว่าโจโฉเป็นคนรูปร่างเล็ก บุคลิกมีนิสัยฉลาดแกมโกง เอาตัวรอดเก่ง เชี่ยวชาญตำราพิชัยสงคราม ชื่นชอบศิลปะ นิสัยรอบคอบ

ภายหลังจากปราบโจรโพกผ้าเหลืองได้สำเร็จและได้รับความดีความชอบเป็นอย่างมาก แต่ภายหลังเกิดเหตุการณ์ตั๋งโต๊ะยึดอำนาจและตั้งตนเป็นใหญ่ โจโฉจึงร่วมรับราชการอยู่กับตั๋งโต๊ะเพื่อคอยหาโอกาสสังหาร แต่ภายหลังลงมือลอบสังหารไม่สำเร็จ จึงรีบหนีออกจากวัง ระหว่างหลบหนีโจโฉได้ถูกจับตัวและพบกับตันก๋งเจ้าเมืองจงพวน ซึ่งชื่นชมในลักษณะนิสัยใจคอจึงขอร่วมเดินทางไปด้วย โดยที่โจโฉมุ่งหน้าไปหาแปะเฉียซึ่งเป็นพี่น้องร่วมสาบานของโจโฉ ด้วยความหวาดระแวงในการหลบหนี ทำให้โจโฉสังหารแปะเฉียและคนในครอบครัว ด้วยความเข้าใจผิดที่คิดว่าแปะเฉียสั่งให้คนใช้จับตนเพื่อส่งกลับยังเมืองหลวง ความโหดเหี้ยมของโจโฉทำให้ตันก๋งขอแยกทาง ซึ่งโจโฉได้กล่าวกับตันก๋งว่า ข้ายอมทรยศคนทั้งโลก แต่ไม่ยอมให้ใครทรยศข้า ต่อมาโจโฉได้รวบรวมพรรคพวกเพื่อบุกเข้าเมืองหลวงและร่วมมือกับเจ้าเมือง 18 หัวเมือง ตั้งเป็นกองทัพสิบแปดหัวเมืองในภายหลัง โดยมี อ้วนเสี้ยวเป็นแม่ทัพใหญ่ในการปราบตั๋งโต๊ะ ต่อมาภายหลังโจโฉเริ่มเบื่อหน่ายกับความแตกแยกในกองทัพ จึงรวบรวมกองกำลังทหารที่เห็นด้วยกับตนหลบหนีไป

ภายหลังจากรวมรวมกองกำลังทหารและปราบตั๋งโต๊ะได้สำเร็จ โจโฉเกิดความทะเยอทะยานในอำนาจของตน เข้าทำการข่มขี่ฮ่องเต้วัยเยาว์ จนได้รับการแต่งตั้งเป็นสมุหนายก (ในสามก๊กฉบับเจ้าพระยาพระคลังแปลตำแหน่งว่าเป็นมหาอุปราชและทำให้คนไทยคุ้นกับตำแหน่งนี้ของโจโฉมากกว่า) และเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระเจ้าเหี้ยนเต้ สร้างความคับแค้นใจให้พระเจ้าเหี้ยนเต้จนต้องแอบเขียนหนังสือด้วยโลหิตถึงเล่าปี่ เพื่อช่วยปราบโจโฉ ต่อมาได้ครองเมืองลกเอี๋ยง ซึ่งมีฐานะเป็นเมืองหลวง และสถาปนาวุยก๊กซึ่งมั่งคั่งและอุดมสมบูรณ์มากที่สุด แต่ด้วยนิสัยหวาดระแวงของโจโฉ ทำให้สั่งประหารบุคคลสำคัญของวุยก๊กจำนวนมากโดยที่ไม่มีความผิด

ภายหลังโจโฉสามารถปราบความวุ่นวายและขุนศึกกองกำลังต่างๆในภาคกลางและเหนือได้ ไม่ว่าจะเป็น ลิโป้ อ้วนสุด เตียวซิ่ว อ้วนเสี้ยว เล่าเปียว โดยเฉพาะศึกกับอ้วนเสี้ยวที่กัวต๋อซึ่งฝ่ายโจโฉมีกำลังทัพด้อยกว่าทุกด้านแต่กลับพลิกสถานการณ์จนสามารถเอาชัยชนะมาได้ ทำให้เขากลายเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดเหนือแผ่นดินจงหยวน จากนั้นจึงระดมกองทัพหลายแสนบุกภาคใต้เพื่อปราบปรามเล่าปี่และซุนกวนซึ่งจับมือเป็นพันธมิตรกัน และด้วยความประมาทบวกกับปัจจัยต่างๆ ทำให้กองทัพของโจโฉไปพ่ายแพ้อย่างยับเยินที่ผาแดง ซึ่งศึกที่ผาแดงนี้เป็น 1 ใน 3 สงครามที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในสามก๊ก และทำให้ดุลย์อำนาจในแผ่นดินถูกแบ่งเป็นสามฝ่าย แต่แม้ว่าจะพ่ายแพ้โจโฉก็ยังคงมีกองกำลังที่เข้มแข็งที่สุดในแผ่นดิน และพยายามแผ่ขยายอิทธิพลของตนเพื่อปราบปรามเล่าปี่และซุนกวนต่อไป

ต่อมาพระเจ้าเหี้ยนเต้ได้แต่งตั้งให้โจโฉขึ้นเป็นวุยอ๋อง ทำให้มีอำนาจประดุจฮ่องเต้ และตั้งเมืองเว่ยขึ้นเป็นเมืองหลวงของแคว้นวุย สร้างอิทธิพลและบารมีจนยิ่งใหญ่ในแผ่นดินและกลายเป็นหนึ่งในสามผู้นำที่คานอำนาจในแผ่นดินร่วมกับเล่าปี่และซุนกวน ซึ่งโจโฉเป็นผู้ที่ประสบความสำเร็จในการรวบรวมดินแดนได้กว้างไกลที่สุด มีแสนยานุภาพทางทหารเข้มแข็งที่สุดและรวบรวมบุคลากรที่เก่งกาจในยุคนั้นไว้ได้มากที่สุดในแผ่นดิน


ทักษะ


สกิลแรก สกิลนี้ทำดาเมจได้เยอะพอสมควรคือ 1400 แถมลดโจมตีศัตรูอีก 40% และก็ลดความเร็วศัตรูอีก 10% ถือว่าเป็นสกิลที่ดีอยู่


สกิลสอง เอาไว้ตีคนเถื่อน ถ้าจะใช้บนฟีลให้ข้ามสกิลนี้ไป


สกิลสาม ทัพม้าล้วนเดินไวขึ้น 10% และบัฟโจมตีทัพม้าอีก 30% ก็เหมาะสำหรับสายม้า


สกิลสี่ ดูจะเป็นสกิลซัพพอร์ทดีๆสกิลนึงเลย ทั้งรักษา 1000 และฟื้นฟูพิโรธ 100 แต่เป็นสกิลสุ่ม โอกาสติด 10% ก็เหมาะคู่กับสายนู๊กที่มีดาเมจสกิลแรงๆ อย่างโยชิหรือข่านเป็นต้นครับ


สกิลห้า ตีแรงขึ้น 25% แต่ก็บางลง 10% ก็เหมาะเป็นสายแอบตี ก็อาจต้องคุมทัพระวังๆกันหน่อย

พรสวรรค์

สายวิ่ง

สายตีบนฟีล

แนะนำ

โจโฉ King of Speed หรือ ราชาแห่งความเร็ว แม่ทัพตัวนี้ได้จากการเปิดกุญแจทอง ดังนั้นถ้าไม่รีบก็อาจจะไม่ต้องนำหัวทองไปยัดก็ได้ ค่อยๆเปิดกุญแจทองเอา นอกนั้นเป็นแม่ทัพที่ได้จากการเติมแพ็กรายวันอีกด้วย สายเปย์ก็จะเต็มไวหน่อย

ในยุคปัจจุบันที่ตัวเกมอัพเดทแพทอยู่เรื่อยๆ มีแม่ทัพตัวใหม่ๆมาตลอด ทำให้โจโฉในยุคนี้ไม่ค่อยน่าปั้นมากนัก นอกเสียจากปล่อยให้เต็มเองจากการเปิดกุญแจทองหรือจากการเติม

แต่.....

ไม่ใช่ว่ามีแม่ทัพม้าดีๆมากมาย แล้วโจโฉจะไม่ดีปัจจุบันก็ยังน่าใช้อยู่ 

หากจะใช้นำทัพตีบนฟีล ทุกสกิลต้องเต็มหรือ สกิล 1,3 และ 4 อาจจะต้องเต็มถึงจะใช้ได้ดี 

ส่วนหากอยากใช้เป็นตัวรองเพียงแค่สกิลแรกเต็มก็พอใช้ได้แล้ว ให้แม่ทัพที่ดาเมจสกิลแรงๆอย่างข่านหรือโยชินำ สกิลแรกของโจโฉจะช่วยให้สกิลออกไวขึ้น ซึ่งถือว่ายังเป็นที่นิยมอยู่บ้างในช่วงนี้

ประโยชน์อื่นๆก็มี เช่นตีคนเถื่อนตีป้อม หรือเอาไว้วิ่งในอาร์ค ก็ว่ากันไปแล้วแต่สถานการณ์ครับ 


คู่แนะนำ

ข่าน โยชิ หรือวิลเลี่ยม เพราะว่าโจโฉควรคู่กับสายสกิลด้วยกัน ช่วยให้สกิลออกไวขึ้นครับ

คลิก >> Facebook Rise of Kingdoms Thailand <<

คลิก >> บทความอื่นของ Rise of Kingdoms <<

ไม่มีความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.